Pages

Monday, June 17, 2013

#ลูกไม่ได้ร้องเพื่อจะก่อกวนคุณ เค้าแค่อยากจะสื่อสารกับคุณต่างหาก


#ลูกไม่ได้ร้องเพื่อจะก่อกวนคุณ เค้าแค่อยากจะสื่อสารกับคุณต่างหาก#
(จาก ข้อความในขวดแก้ว การสื่อสารกับเด็กในวัยและสถานการณ์ต่าง ๆ โดย L.R. Knost)

แม่คนหนึ่งกำลังตวาดลูกว่าชอบทำตัวเป็นเด็กเหลือขอ ขี้โวยวาย มองไปแวบเดียวก็เห็นว่า แม่จับลูกยืนเท้าเปล่าบนถนนร้อน ๆ ลูกก็เลยร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดและพยายามจะดิ้นหนีกลับไปที่รถ อีกไม่กี่ปี แม่อาจจะสงสัยว่าทำไมลูกวัย 10 ขวบถึงเป็นคนขี้หงุดหงิดและเงียบหงอย

ที่ห้างสรรพสินค้า เด็กน้อยวัย 3 ขวบถามแม่ว่าพลาสติกห่ออาหารเอาไว้ทำอะไร แม่กรอกตาแล้วเหน็บเอาว่า “ก็เอาไว้ห่ออาหารน่ะสิ โง่จริง” อีกไม่กี่ปี แม่อาจจะมาสารภาพว่า ไม่รู้ทำไมลูกวัย 9 ขวบถึงปากจัดและหยาบคาย

ไม่กี่นาทีต่อมา เด็ก 2 ขวบที่นั่งอยู่บนรถเข็นใส่ของชี้ไปที่ของเล่นและพูดอ้อแอ้น่ารัก ๆ แบบเด็ก ๆ พยายามเรียกพ่อให้หันมาสนใจ หลังจากพยายามอยู่สักพัก พ่อก็หันมาตะคอกว่า “หยุดพูดสักที” อีกหน่อยพ่อก็คงบ่นกับเพื่อนร่วมงานว่าลูกสาววัยรุ่นไม่ยอมพูดด้วย

ในชั้นเรียนเทควันโด การสื่อสารหมายถึงการเชื่อมต่อระหว่างตัวเรากับโลก สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และเด็ก การสื่อสารนั้นเป็นความรับผิดชอบของพ่อแม่แต่เพียงฝ่ายเดียว โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง “แต่เพียงฝ่ายเดียว” ทันทีที่เด็กลืมตามาดูโลก เค้าก็พยายามจะสื่อสาร ด้วยการร้องไห้ ร้องคราง สบตา ทำเลียนแบบ ทั้งหมดนี้เป็นสัญชาติญาณของเด็กทารกที่ยังใหม่ต่อโลกในการที่ จะติดต่อกับคนอื่น เด็กยังทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับพ่อแม่เท่านั้นที่จะสร้างความสัมพันธ์ ตอบสนอง และสร้างเส้นทางการสื่อสารที่จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพ่อแม่ เมื่อเด็กเติบโตขึ้น การสื่อสารไม่ได้อยู่ ๆ ก็เกิดขึ้นเอง ไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อเด็กพูดได้ และไม่ได้เป็นผลมาจากการที่เด็กมีวุฒิภาวะสูงขึ้น การสื่อสารเป็นกระบวนการ เป็นการสร้างความสัมพันธ์ เป็นผลจากความตั้งใจและรับผิดชอบในการเลี้ยงดูลูก
คนมักเข้าใจผิดว่าการร้องไห้เป็นความพยายามที่จะควบคุมพ่อแม่ให้ทำตามใจ และผู้ใหญ่ก็มักจะใช้วิธีนี้ แต่เด็กจะทำแบบนั้นได้ต้องมีระดับความสามารถและการควบคุมตัวเองที่เกินกว่าที่จะเป็นความสามารถโดยปกติของเด็ก มุมมองของพ่อแม่ที่ว่าทำไมเด็กจึงมีพฤติกรรมดังกล่าว จะส่งผลอย่างยิ่งต่อท่าทีในการตอบสนองของพ่อแม่ต่อพฤติกรรมนั้น และพ่อแม่ที่ไม่ตอบสนองต่อการร้องไห้ของเด็กที่ยังพูดไม่ได้ ก็จะเสียโอกาสในการสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน ในขณะที่พ่อแม่ที่ตอบสนองต่อเสียงร้อง ก็กำลังสร้างความสัมพันธ์และโอกาสในการสื่อสารกับลูก

ฟังให้ดี คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย ความสัมพันธ์ของคุณกับลูกวัยรุ่นนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ขณะที่ลูกยังเดินเตาะแตะอยู่ ลูกวัย 9 ขวบจะมีวินัยหรือไม่ ก็เกิดตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ตอนที่ลูกยังเป็นทารกและพยายามจะเข้าหาคุณ คุณจะควบคุมการอาละวาดของลูกวัยก่อนเรียนได้หรือไม่ ก็อยู่ที่คุณตอบสนองต่อการร้องไห้ของลูกตอนเป็นทารกรึเปล่า
และความรับผิดชอบของคุณต่อการสร้างช่องทางการสื่อสารและความสัมพันธ์กับลูกก็ไม่ได้จบลงเมื่อลูกเริ่มพูดได้ มันมีเหตุผลอยู่ว่าทำไมเราจึงไม่เรียกเด็กว่าผู้ใหญ่ จนกว่าเค้าจะเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ เนื่องจากเด็กยังไม่มีวิจารณญาณ ประสบการณ์และวุฒิภาวะแบบผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายยังจะต้องเป็นศูนย์กลางจักรวาลของลูกไปอีกหลายปี และเด็ก ๆ ก็จะทำตัวตามอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ทำให้เห็น ถ้าพ่อแม่รู้จักฟัง ลูกก็จะเรียนรู้ที่จะฟัง ถ้าพ่อแม่หยาบคายใส่ ลูกก็จะหยาบคาย ถ้าพ่อแม่ให้การยอมรับ เด็กก็จะรู้จักทำตัวให้น่านับถือ ถ้าพ่อแม่โกรธเกรี้ยว เรียกร้อง และแข็งกระด้าง ลูกก็จะเป็นเด็กเกรี้ยวกราด เรียกร้องและแข็งกร้าว ฯลฯ ใช้ชีวิตอย่างที่คุณต้องการให้ลูกเป็น เพราะการเป็นพ่อแม่ หมายถึงการเลี้ยงดูลูกให้อยู่ในเส้นทางที่ถูกที่ควร

No comments:

Post a Comment