#ข้อแนะนำสำหรับกล่อมเด็กทารกและเด็กวัยหัดเดินให้นอนแบบพ่อแม่เปี่ยมเมตตา โดย PhD in Parenting
บทความนี้เป็นข้อแนะนำสำหรับพ่อแม่ที่อดหลับอดนอนที่ต้องการให้ลูกหลับดีขึ้นโดยไม่ต้องการใช้วิธีปล่อยให้ร้องจนหลับ บางอย่างเป็นสิ่งที่ผู้เขียนได้มาจากประสบการณ์ บางอย่างก็ได้มาจากการค้นคว้าหาข้อมูล ผู้เขียนไม่ได้ใช้ทุกวิธี เพราะไม่ได้รู้สึกว่าลูกมีปัญหาในการนอน ไม่ใช่ว่าลูกจะไม่เคยตื่นกลางดึกเลย หรือจะไม่เคยมีปัญหานอนยากเลย แต่โดยทั่วไปแล้ว ทั้งลูกและผู้เขียนก็ได้รับการพักผ่อนเพียงพอ
1. กำหนดกิจวัตรประจำวันก่อนนอ
นที่เงียบสงบ
เด็ก ๆ ต้องการเวลาที่จะทำตัวให้สง
บพร้อมเข้านอน ถ้ามีการเตรียมตัวนอนที่แน่
นอน ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ก็จะเป็นการส่งสัญญาณให้เด็
กรับรู้ว่าได้เวลานอนแล้ว เช่น การเปลี่ยนมาใส่ชุดนอน แปรงฟัน อ่านหนังสือก่อนนอน ให้นมหรือกล่อมนอน ฯลฯ พยายามที่จะทำขั้นตอนเหล่าน
ี้แบบเรียงลำดับเหมือนเดิมจ
ะช่วยให้เด็กเข้าใจได้ว่าขั
้นตอนต่อไปคืออะไร และเรียนรู้ที่จะค่อย ๆ สงบลงผ่านขั้นตอนต่าง ๆ นั้น คุณอาจมีกิจวัตรมากกว่า 1 รูปแบบได้ เช่น แบบหนึ่งสำหรับช่วงวันทำงาน
อีกแบบหนึ่งสำหรับวันหยุด แบบหนึ่งสำหรับพ่อ และอีกแบบเป็นของแม่ การมีรูปแบบกิจวัตรประจำวัน
มากกว่า 1 แบบนับเป็นผลดีที่จะช่วยให้
ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ถ้าขั้นตอนบางอย่างจำเป็นต้
องเปลี่ยนแปลงไป เช่น พ่อหรือแม่ไม่อยู่ คุณไปหาเพื่อน หนังสือเล่มโปรดหายไป ฯลฯ แล้วก็ต้องสร้างบรรยากาศให้
เงียบสงบสมกับเป็นช่วงเวลาน
อน เช่น ปิดไฟสว่าง ๆ ให้หมด (เปิดไฟสลัว ๆ จะดีมาก) ปิดทีวี งดเสียงดังอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานอน (จะให้ดีคือ ควรปิดทีวีหลาย ๆ ชั่วโมงก่อนนอน ถ้าคุณอนุญาตให้ลูกดูทีวีได
้) ลองพิจารณาใส่การนวดไว้ในกิ
จวัตรก่อนนอนดู
2. ให้เด็ก ๆ ได้รับอากาศบริสุทธิ์และออก
กำลังกายมาก ๆ
สำหรับลูก ๆ ของผู้เขียนและเด็ก ๆ หลายคนที่ผู้เขียนรู้จัก เรื่องนี้คือปัจจัยที่สำคัญ
ที่สุดที่จะเป็นตัวตัดสินว่
าเด็ก ๆ จะนอนหลับดีในตอนกลางคืนหรื
อไม่ เมื่อลูกชายของผู้เขียนอยู่
ในวัยหัดเดินและนอนหลับยากม
าก ๆ เค้าก็ใช้เวลาวิ่งเล่นนอกบ้
านวันละหลายชั่วโมงอยู่แล้ว
แต่เมื่อผู้เขียนเพิ่มเวลาเ
ล่นนอกบ้านให้เป็นเท่าตัว การนอนหลับของลูกก็ดีขึ้นแบ
บทวีคูณ แม้แต่ในช่วงอากาศหนาว (ผู้เขียนอยู่ประเทศแคนาดา)
ผู้เขียนก็ยังพยายามให้ลูกเ
ล่นนอกบ้านทุกวัน (แต่งตัวให้หนาแล้วออกไปข้า
งนอกใกล้ ๆ หลาย ๆ รอบถ้าจำเป็น) แล้วก็หาที่ให้พวกเค้าได้ออ
กกำลัง (อาจเป็นสนามเด็กเล่นในร่ม หรือศูนย์เด็กเล่น อาจไปเดินเล่นในพิพิธภัณฑ์ห
รือตามห้างหรือที่ไหน ๆ ที่เด็ก ๆ จะเดินได้นาน ๆ) ถ้าลูกเป็นเด็กกระฉับกระเฉง
และคุณใช้เวลา 2 ชั่วโมงแล้ว ก็ให้ลองที่ 4 ชั่วโมงดูว่าจะได้ผลหรือไม่
ถึงอย่างไรเด็ก ๆ ของเราก็จำเป็นต้องได้รับอา
กาศบริสุทธ์และได้ออกกำลังอ
ยู่ดี ดังนั้น ไม่ว่ามันจะช่วยเรื่องนอนหร
ือไม่ ก็เป็นสิ่งดีที่ควรทำ
3. ดูเรื่องอาหารของลูกด้วย
เป็นไปได้ว่าบางอย่างที่ลูก
ทานเข้าไปเป็นตัวทำให้มีปัญ
หาในการนอน ทารกที่ดื่มนมผสมบางคนอาจมี
ความไวต่อนมผสมบางสูตรเป็นพ
ิเศษ ทารกที่เริ่มอาหารเสริมแล้ว
อาจมีอาการไวหรือแพ้อาหารบา
งอย่างทำให้นอนหลับยากได้ และอาหารบางชนิดก็ทำให้นอนห
ลับไม่ดีถ้าทานตอนใกล้เวลาน
อนมากเกินไป ซึ่งได้แก่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีคาเฟอี
น (ช็อกโกแลต น้ำอัดลม ฯลฯ) อาหารที่มีน้ำตาล หรือมีการแต่งสีแต่งกลิ่น มากอาหารที่มีโปรตีนสูง และมีคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ย
ว (พวกแป้งขัดขาว ข้าวขาว ขนมปังขาว น้ำตาล – แอดมิน) มาก คุณควรเปลี่ยนไปเตรียมอาหาร
ที่ช่วยให้ลูกหลับได้ดีขึ้น
แทน เช่น ธัญพืช ผักและผลไม้ นอกจากนี้ อาหารบางอย่างยังมีทริปโตเฟ
น (สารชวนง่วง) ทำให้เหมาะสำหรับการเป็นอาห
ารมื้อเย็น (แม้ว่าบางอย่างจะเป็นอาหาร
พวกโปรตีน) เช่น ไก่งวง ทูน่า ถั่วบางประเภท (ห้ามให้เด็กทารก) เนยแข็งสดพวกคอทเทจ ชีส เนยแข็งแบบแข็ง โยเกิร์ต นมถั่วเหลือง เต้าหู้ ถั่วเหลือง ไข่ กล้วย และ อะโวคาโด
4. ดูอาหารที่แม่ทานด้วยว่าส่ง
ผลต่อลูกหรือไม่
ถ้าคุณให้นมลูก ก็ควรดูด้วยว่า อาหารที่คุณรับประทานเข้าไป
ส่งผลต่อการนอนของลูกหรือเป
ล่า โดยทั่วไป แม่ให้นมสามารถทานอะไรก็ได้
แต่เด็กอ่อนบางคนก็ไวต่ออาห
ารบางอย่างที่แม่ทาน อาหารพวกนม เนย มักตกเป็นผู้ร้ายในเรื่องนี
้ แล้วก็ยากที่จะงดเว้นได้ตลอ
ด (เพราะเป็นส่วนประกอบในอาหา
รสารพัดอย่าง บางทีก็ดูยากว่ามีหรือไม่) มีบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้
โดย Kellymom (เพจนมแม่ แบบแฮปปี้มีกล่าวถึงเรื่องน
ี้บ่อย ๆ – แอดมิน) นอกจากอาหารแล้ว คาเฟอีนและอัลกอฮอล์ก็ตกเป็
นจำเลยด้วยเหมือนกัน แม้จะถือว่าค่อนข้างปลอดภัย
สำหรับการให้นม แต่ก็อาจมีผลต่อการนอนของลู
กได้ คาเฟอีนที่คุณรับเข้าไปอาจท
ำให้ลูกตาโตเป็นพิเศษได้ (แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องงูก
ินหาง เพราะถ้าคุณหลับไม่ดี คุณก็มักจะดื่มกาแฟเข้าไปอี
ก) ส่วนอัลกอฮอล์ จากการศึกษาผลกระทบที่อัลกอ
ฮอล์มีต่อการนอนหลับแล้ว พบว่าเด็กอ่อนจะนอนหลับได้แ
ย่ลงในช่วง 3.5 ชั่วโมงหลังจากดื่มนมแม่ แม้จะมีปริมาณอัลกอฮอล์ในน้
ำนมเพียงน้อยนิด
5. นอนกับลูกดีมั้ย
การนอนกับลูกไม่ได้เหมาะกับ
ทุกคน แต่สำหรับหลาย ๆ ครอบครัว (รวมทั้งของผู้เขียนด้วย) นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จ
ะทำให้ทุกคนได้พักผ่อน มีข้อดีมากมายเกี่ยวกับการน
อนด้วยกัน (
http://www.phdinparenting.com/blog/2009/1/9/benefits-of-co-sleeping.html แล้วก็มีกฎความปลอดภัย (
http://www.phdinparenting.com/blog/2009/1/11/co-sleeping-safety.html) ที่ต้องคำนึงถึง ถ้าคุณอยากจะนอนกับลูก
6. นอนกลางวันเป็นเวลา
การหลับดีจะช่วยให้หลับดีต่
อไป พ่อแม่หลายคนคิดว่าถ้าเด็กไ
ม่นอนตอนกลางคืน ควรจะพยายามไม่ให้เด็กหลับก
ลางวัน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด จริง ๆ แล้วพ่อแม่ควรจะจัดให้ลูกนอ
นกลางวันอย่างสม่ำเสมอเป็นก
ิจวัตร แต่การนอนกลางวันรอบสุดท้าย
ไม่ควรเย็นจนเกินไป จะได้ไม่ไปกวนเวลานอนตอนกลา
งคืน
7. ทำให้สภาพแวดล้อมในการนอนน่
านอน
ไม่ว่าจะให้ลูกนอนที่ไหน ทำให้ตรงนั้นเป็นที่ที่น่าน
อน ไม่ใช่ว่าต้องมีผ้าห่มและหม
อนเยอะแยะ (ซึ่งออกจะอันตรายไปหน่อย) แต่ให้แต่งตัวลูกให้เป็นชุด
ใส่สบาย เหมาะกับอุณหภูมิในห้อง อาจจะมีเสียงกล่อม (white noise) และห้องนอนจะต้องปลอดควันบุ
หรี่ อย่าให้คนที่สูบบุหรี่นอนห้
องเดียวกับเด็กทารก จะให้ดีควรทำให้ทั้งบ้านเป็
นบ้านปลอดบุหรี่
8. ปรับความคาดหวังของตัวคุณเอ
ง
ผู้เขียนเกลียดมากที่ชอบพูด
กันเรื่องนอนหลับตลอดคืน สังคมของเรากดดันพ่อแม่ในเร
ื่องนี้มากเกินไป และไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้
อมูลว่าปกติแล้วเด็กทารกนอน
กันอย่างไร ขอให้มีเหตุผลและอดทนกับลูก
ขอให้เข้าใจว่าเด็กทุกคนไม่
เหมือนกัน การที่เด็กเคยหลับดี ก็ไม่ได้แปลว่าจะหลับดีไปตล
อด เพราะถ้าเด็กกำลังฟันขึ้น อยู่ในช่วงโตแบบพรวดพราด ป่วย กำลังมีพัฒนาการบางอย่าง หิว ออกกำลังไม่พอ หรือไม่ได้รับอากาศสดชื่นเพ
ียงพอ หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่น่
ากลัวมาตลอดวัน หรืออะไรก็แล้วแต่ ล้วนทำให้มีปัญหาในการหลับไ
ด้ทั้งนั้น
9. อ่าน อ่าน แล้วก็อ่าน
ถ้าไม่มีอะไรในบทความนี้ช่ว
ยคุณได้ หรือคุณได้ลองทุกอย่างที่กล่าวถึงไปหมดแล้ว ก็ขอให้ลองอ่านหนังสือที่มี
คนเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้อ
ยู่มากมาย คุณอาจจะได้ประโยชน์จากการอ่านหนังสือพวกนี้บ้างก็ได้ เช่น หนังสือชุด "No-Cry" ของ Elizabeth Pantley ซึ่งมี The No Cry Sleep Solution, The No Cry Sleep Solution for Toddlers and Preschoolers และ The No Cry Nap Solution ซึ่งมีคำแนะนำและแนวคิดที่ดีมาก ผู้เขียนใช้หนังสือพวกนี้ทั
้งกับตัวเองและใช้ช่วยคนอื่
น ๆ อีกมาก แต่ผู้เขียนก็ไม่ได้ทำบันทึ
กประจำวันหรืออะไรที่เป็นเร
ื่องเป็นราวมากอย่างที่หนัง
สือแนะนำ ผู้เขียนมองว่ามันทำให้เผลอ
คิดว่าแผนการนอนเป็นการฝึกน
อนได้ง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วแนวคิดที่แนะนำคือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมา
ะสำหรับการนอนอย่างมีคุณภาพ
ดังนั้นอย่าล้มเลิกเพียงเพร
าะเรื่องการทำบันทึกฟังดูวุ
่นวายหรือไม่เหมาะกับคุณ แค่เอาคำแนะนำและแนวคิดในหน
ังสือที่เหมาะกับครอบครัวแล
ะลูกของคุณมาใช้ก็เพียงพอแล
้ว
ยังมีหนังสือเล่มอื่น ๆ ที่เน้นเรื่องการช่วยลูกนอน
ด้วยวิธีที่อ่อนโยน ได้แก่
o The Happiest Baby on the Block: The New Way to Calm Crying and Help Your Newborn Baby Sleep Longer (โดย Harvey Karp)
o Three in a Bed: The Benefits of Sleeping with Your Baby (โดย Deborah Jackson)
o Good Nights: The Happy Parents' Guide to the Family Bed (and a Peaceful Night's Sleep) (โดย Maria Goodavage และ Jay Gordon)
o Sleeping with Your Baby: A Parent's Guide to Cosleeping (โดย James J. McKenna)
และยังมีลิงค์ไปยังบทความแล
ะวิดีโอเกี่ยวกับเทคนิคการน
อนอยู่ในบล็อก เรื่อง Parenting Baby To Sleep ของเพจ I Need Sleep Now
อีกเรื่องสำคัญที่ผู้เขียนอ
ยากจะฝากไว้คือ ไม่มีหนังสือหรือบล็อกใด ๆ ที่จะมีวิธีแก้ปัญหาการนอนข
องทารกหรือเด็กหัดเดินได้แบ
บเบ็ดเสร็จ เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน และแต่ละครอบครัวก็ไม่เหมือ
นกัน
10. แล้วเรื่องนี้ก็จะผ่านไปเช่
นกัน
ลูก ๆ ของเราจะเป็นเด็กอยู่แค่ไม่
นานนัก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่อง
ง่ายเลยที่จะจัดการกับการตื
่นกลางดึกหรือการอดหลับอดนอ
น และมันก็เป็นเรื่องน่าหงุดห
งิดสำหรับพ่อแม่หลาย ๆ คน ดังนั้นจึงควรระลึกไว้เสมอว่า แล้วเรื่องนี้ก็จะผ่านไปเช่
นกัน ทุกอย่างจะค่อย ๆ ดีขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องสอนให้ลูกก
ล่อมตัวเองจนหลับด้วยวิธีปล
่อยให้ร้อง เพราะเค้าจะค่อย ๆ เรียนรู้เรื่องนั้นได้เอง ระหว่างนี้ ถ้าเทคนิคทั้งหลายใช้ไม่ได้
และคุณรู้สึกหงุดหงิดก็ควรล
องหาตัวช่วย คู่สามีภรรยาควรจะช่วยเหลือ
กันและหาทางจัดการเรื่องการ
เลี้ยงลูกตอนกลางคืนทุกเมื่
อที่เป็นไปได้ นอกจากนี้ คุณอาจหาคนอื่นมาช่วยช่วงกล
างวันเพื่อที่คุณจะได้มีเวล
างีบนาน ๆ เวลาที่ไม่ไหวจริง ๆ
(
http://www.phdinparenting.com/blog/2009/2/28/gentle-baby-and-toddler-sleep-tips.html)
#ลูกนอนยาก #เคล็ดลับช่วยลูกหลับสบาย #อาหารและการนอน
No comments:
Post a Comment